งงกันทั้งห้องแถลงข่าว! “โซลชา” แสดงจุดยืนชัดเจนชี้หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว

งงกันทั้งห้องแถลงข่าว! “โซลชา” แสดงจุดยืนชัดเจนชี้หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว

โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมแบบยอมรับสภาพหลังปราชัยคารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง ลิเวอร์พูล หมดรูปด้วยสกอร์ 5-0

หงส์แดง เรียงคิวสังหาร 4 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรกโดย นาบี เกอิต้า, ดิโอโก้ โชต้า และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อีก 2 ประตูก่อนที่สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ จะซัดอีกประตูเป็นแฮตทริคในช่วงต้นครึ่งหลัง

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะกล่าวอย่างสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากการยอมรับว่ามันเป็นวันที่มืดมนที่สุดของผมนับตั้งแต่เป็นผู้นำของนักเตะเหล่านี้มา” กุนซือ นอร์วีเจี้ยน เปิดอกหลังจบศึกแดงเดือด

“พวกเราไม่ดีพอทั้งฟอร์มการเล่นรายบุคคลและในฐานะทีม เราต้องไม่เปิดโอกาสแบบนั้นให้ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล แต่โชคร้ายที่มันเกิดขึ้นจนได้ ฟอร์มโดยรวมของเราไม่ดีพอ เราสร้างโอกาสในช่วงเริ่มต้นเกมได้แต่พวกเขาก็ทำได้เช่นกันและเฉียบขาดมากกว่า ประตูที่ 3 นั้นได้ตัดสินเกมไปเรียบร้อย”

“คุณสามารถมองดูซีซั่นก่อนได้ เราแพ้สเปอร์สเละกว่านี้อีก 1-6 มันเลวร้ายสำหรับผมในฐานะที่เป็นคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ผมต้องบอกว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้โดยเร็ว”

“ผมมาไกลไปมากแล้ว พวกเรามาไกลในฐานะทีม แต่เราก็ใกล้เต็มทีที่จะถึงจุดยอมแพ้ มันเป็นเรื่องที่ยากเอาการ นักเตะของเราจะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่แต่พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้”

“เราตระหนักดีว่าได้เดินทางมาถึงจุดตกต่ำที่สุด เราไม่รู้สึกว่าจะสามารถตกต่ำไปมากกว่านี้ได้แล้ว ไว้เรามาดูกันต่อไปว่าสถานการณ์นี้จะนำพาเราไปสู่จุดใด”

ท่านี้มันมีที่มา! “ฟีร์มีโน่” ฉลองหลังกดแฮตทริกเกมถล่ม วัตฟอร์ด

ท่านี้มันมีที่มา! “ฟีร์มีโน่” ฉลองหลังกดแฮตทริกเกมถล่ม วัตฟอร์ด

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ดาวยิงตัวเก่งของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จัดการกดแฮตทริกได้ในเกมที่ต้นสังกัดบุกไปรัวถล่ม “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด แบบสุดยับเยิน 5-0 ในการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา

โดยหลังจากที่ ดาวยิงแซมบ้าวัย 30 ปี ยิงประตูที่สามในเกมนี้ได้สำเร็จ เจ้าตัวก็จัดการวิ่งไปเก็บลูกบอลมายัดไว้ใต้เสื้อ ถือเป็นท่าดีใจที่ไม่คุ้นตาสำหรับแฟนบอล หลังก่อนหน้านี้มักจะฉลองท่าดีใจด้วยการใช้มือปิดตาข้างหนึ่งอันเป็นจุดขายของเจ้าตัว

ซึ่งท่าดีใจที่ ฟีร์มีโน่ ทำในการฉลองแฮตทริก มันคือการบอกข่าวดีให้กับแฟนบอลได้รับรู้ว่าเจ้าตัวกำลังจะเป็นคุณพ่อลูกสาม หลัง ลาริสซ่า เปเรร่า แฟนสาวที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่สามอยู่ในตอนนี้

งานนี้ต้องมาลุ้นกันว่าลูกคนที่สามของ แข้งบราซิล จะเป็นเพศหญิง หรือเพศชาย เพราะที่ผ่านมา เจ้าตัวมีพยานรักเป็นลูกสาวสุดน่ารัก 2 คน วาเลนติน่า และ เบลล่า

เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มก่อตัวเมื่อปี 2014 สมัยที่เจ้าตัวยังเป็นนักเตะในสังกัดของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในบุนเดสลีกา เยอรมนี จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันก่อนเข้าพิธีแต่งงานกันไปเมื่อปี 2017

สำหรับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มีสถิติลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้งหมดรวมทุกรายการจนถึงตอนนี้ 299 นัด ทำไปได้ 93 ประตู และอีก 70 แอสซิสต์ ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์ยูฟ่า ชปล. และแชมป์สโมสรโลก

เผื่อไว้ก่อน! ผีแดงซุ่มดูฟอร์ม “กองหลังโตริโน” เสริมแกร่งหลังบ้าน

เผื่อไว้ก่อน! ผีแดงซุ่มดูฟอร์ม “กองหลังโตริโน” เสริมแกร่งหลังบ้าน

มีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจับตาดูฟอร์มการเล่นของกองหลังโตริโนอย่าง กลีสัน เบรเมอร์ ชาวบราซิล

ปีศาจแดงเพิ่งเซ็นสัญญากับ ราฟาเอล วาราน มาด้วยราคา 41 ล้านปอนด์ จากเรอัล มาดริด ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่สถิติการป้องกันของทีมยังไม่ดีขึ้นนัก ในขณะที่ตัวเลือกอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือในระยะยาว

ทำให้ปีศาจแดงมองหาการเสริมทัพเพิ่มเติม ตามรายงานจากสื่ออิตาลีอย่าง Fantacalcio ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนใจที่จะเซ็นสัญญากับ กลีสัน เบรเมอร์ ซึ่งจะไม่ต่อสัญญากับโตริโน และหมดอายุในช่วงซัมเมอร์ปี 2023

กลีสัน เบรเมอร์ วัย 24 ปี ย้ายจากสโมสร แอตเลติโก มิเนโร ของบราซิลเมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 และค่อยๆกลายเป็นหัวใจสำคัญของทัพกระทิงหิน โดยเซ็นเตอร์แบ็กรายนี้ลงเล่นไปแล้ว 83 เกม ทำได้ 11 ประตูและอีก 4 แอสซิสต์ ซึ่งเจ้าตัวมีราคาอยู่ที่ 20-25 ล้านยูโร

ไม่กลัวหน้าแหก! “ซาเวจ” ฟันธง 4 อันดับแรกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

ไม่กลัวหน้าแหก! “ซาเวจ” ฟันธง 4 อันดับแรกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

ร็อบบี้ ซาเวจ อดีตแข้งดังของวงการลูกหนังอังกฤษ ออกโรงทำนายว่าฤดูกาล 2021/22 ที่กำลังแข่งขันกันอยู่นี้ จะมีทีมไหนติดอันดับ TOP 4 และใครคือผู้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้ในท้ายที่สุด

“ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มเปิดฉากขึ้น ผมเคยพูดเอาไว้ว่า 4 ทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์มากสุดก็คือ เชลซี, แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ซึ่งก็ยังยืนยันคำเดิมว่ามีแค่พวกเขาเท่านั้นจริงๆ สำหรับการขับเคี่ยวอันดุเดือดตั้งแต่ต้นจนจบ” แข้งจอมเถื่อน กล่าวกับ UMM youtube channel

“แต่ภาพมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแล้วว่า เชลซี นี่แหละคือทีมที่จะคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด เพราะพวกเขามีขุมกำลังแข็งแกร่งกว่าคู่แข่งอื่นๆ แถมยังได้ โรเมลู ลูกากู เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายอีกด้วย”

“ส่วนอันดับสองน่าจะตกเป็นของ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งคุณภาพของทีมนี้เรารู้อยู่แล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน แต่การที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่สามารถดึงตัว แฮร์รี เคน เข้ามาเสริมทัพได้นั่นแหละคือจุดเปลี่ยนสำคัญ และจะส่งผลร้ายแรงต่อการลุ้นแชมป์ได้เลยทีเดียว”

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดูดีเหลือเกินโดยเฉพาะความสามารถในการพลิกสถานการณ์ที่ตกเป็นรองให้กลับมาชนะได้ในเกมยากๆ และน่าจะจบฤดูกาลได้ด้วยอันดับ 3 หากมองกันแบบผิวเผิน”

“แต่หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ได้กองหลังเก่งสุดในโลกอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งก็เหมือนได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เลยทีเดียว และหากผู้เล่นตัวหลักไม่บาดเจ็บล้นทีมเหมือนซีซั่นก่อน พวกเขาจะจบอันดับ 3 ได้เหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด แน่นอน”